พฤติกรรมการใช้จ่ายเงินของแต่ละคนย่อมไม่เหมือนกัน บางคนสะดวกใช้เงินสด บางคนถนัดใช้บัตรเครดิต ซึ่งการใช้เงินในอนาคตของตัวเองนี้ มักเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ใครหลายคนชำระหนี้ไม่ไหว ด้วยความมั่นใจหรือเหตุผลอะไรก็ตาม เมื่อไม่มีวินัยทางการเงิน ใช้เงินภายใต้ความชะล่าใจว่าสามารถจ่ายทดแทนไหว กลับกลายเป็นการใช้เงินแบบเดือนจนเดือน จนกระทั่งรับภาระหนี้สินไม่ไหว เมื่อผิดนัดชำระครั้งแรกก็ต้องผิดนัดครั้งถัดไปอยู่เรื่อย ๆ แน่นอนว่าส่วนนี้ส่งผลโดยตรงต่อเครดิตของบุคคล จนอาจทำให้ติด แบล็คสิส ได้ในท้ายที่สุด
เมื่อ ติดแบล็คลิส จากพฤติกรรมการใช้เงินของตัวเองแล้ว จึงเกิดคำถามให้ใครหลายคนสงสัยถ้าต้องการใช้จ่าย ใช้เงินซื้อบ้าน-ที่อยู่อาศัยยังสามารถทำได้ไหม แล้วต้องทำอย่างไร สาระอสังหา แชร์ข้อมูลเกี่ยวกับ “แบล็คลิส” สร้างความเข้าใจที่ชัดเจนเพื่อนำไปปรับใช้กับการจับจ่ายเงินในชีวิตประจำวัน
ติดแบล็คลิส หรือ ติดเครดิตบูโร คืออะไร
โดยส่วนมากจะเข้าใจว่าการ ติดแบล็คลิส คือ การเบี้ยวนัดชำระหนี้ จนส่งผลให้รายชื่อขึ้นบัญชีดำ ทำให้ไม่สามารถดำเนินธุรกรรมอะไรได้ ซึ่งมีบางส่วนที่ถูกต้อง แต่นั่นก็ไม่ใช่ทั้งหมด ถ้ากล่าวในรูปแบบที่สามารถคิดตามได้นั่นคือการที่ธนาคารจะอนุมัติเงินให้เรากู้ยืม แน่นอนว่าทางธนาคารเองก็ต้องตรวจสอบก่อนว่าตัวเรามีเครดิตดีพอให้อนุมัติวงเงินไหม ซึ่งจะรู้ได้อย่างไรนั้น แท้จริงแล้วธนาคารได้รับข้อมูลจากหน่วยหน่วยงานหนึ่งที่จัดตั้งขึ้นเพื่อเก็บข้อมูล ประวัติการชำระหนี้ของลูกค้า บริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ National Credit Bureua (NCB)
โดยจะทราบข้อมูลทั้งสินเชื่อทั้งหมดที่เรากู้ รถ บ้าน ฯลฯ เป็นการเก็บประวัติการชำระไว้ ทำให้ทราบพฤติกรรมการจ่ายหนี้ของเราว่าจ่ายตรงเวลาไหม จ่ายขั้นต่ำเท่าไหร่ ดังนั้นจะมีการบันทึกข้อมูลไว้สองส่วน (1) ข้อมูลส่วนตัว ชื่อ-นามสกุล ที่อยู่ ทะเบียนบ้าน (2) ข้อมูลประวัติการชำระหนี้ ซึ่งข้อมูลทั้งสองส่วนนี้เองที่เป็นสารนำส่งต่อให้ธนาคารทราบวินัยทางการเงิน รวม ๆ แล้วแบล็คลิสที่เคยได้ยินกันมาก็เป็นประวัติการผิดชำระหนี้ของเรานั่นเอง
**หมายเหตุ : บริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติไม่ได้มีหน้าที่ขึ้นบัญชีดำหรือติดแบล็คลิสแต่ทำหน้าที่บันทึกผลของการกระทำของบุคคลเท่านั้น
ถ้าหากติดเครดิตบูโรจะสามารถกู้ซื้อบ้านได้ไหม ต้องทำอย่างไร
มาถึงอีกคำถามยอดฮิตของคนคิดซื้อบ้าน เมื่อไหร่ที่ติดเครดิตบูโรอยู่ ส่วนใหญ่จะไม่สามารถกู้ได้ เพราะเมื่อทางธนาคารพิจารณาจากรายการเดินบัญชี พบว่าเราไม่สามารถจัดการหนี้เก่าได้ แต่กำลังจะยื่นกู้เพื่อหนี้ก้อนใหญ่ ก้อนใหม่ ธนาคารส่วนใหญ่มักจะปฏิเสธสินเชื่อ แต่ก็ยังมีวิธีสำหรับผู้ที่ติดแบล็คลิสหรือเครดิตบูโรสามารถทำได้เพื่อ กู้ซื้อบ้าน เช่น การกู้ร่วม ซึ่งผู้กู้ร่วมจำเป็นต้องมีประวัติที่ขาวสะอาด เครดิตดี ไม่มีหนี้หรือภาระหนี้สินไม่เยอะ และรับรายได้ประจำสม่ำเสมอ
ติด Blacklist ทำยังไงให้สามารถกลับมากู้บ้านได้
โดยปกติแล้วระยะเวลาติดเครดิตบูโร ทางบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติจะมีระยะเวลาบันทึกข้อมูลของเรานาน 36 เดือน (3 ปี) นั่นหมายความว่า ถ้าหากวันนี้คุณสามารถปลดแบล็คลิสหรือจบภาระหนี้เก่าได้สำเร็จแล้ว หลังจากนี้อีก 3 ปี ถึงจะสามารถขอสินเชื่อให้มีโอกาสผ่านได้อีกครั้ง แต่ถ้าวันนี้ยังติด แบล็คลิส อยู่ สิ่งที่เราควรให้ความสำคัญ 2 อันดับแรก ได้แก่
- เคลียร์หนี้เก่าให้จบ ปิดให้หมด
- รักษาเครดิตของตัวเองไว้ให้ดี ใช้จ่ายอย่างมีสติ มีเงินเก็บ-เงินออม
จากนั้นใช้เวลา 3 ปี รักษาวินัยทางการเงินและรักษาเครดิตเราให้กลับมาดี ไม่สร้างภาระหนี้เกินตัว statement ดูดี มีรายการเดินบัญชี เงินเข้าสม่ำเสมอ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสถาบันการเงินหรือธนาคารแห่งนั้น บ้างก็มีเกณฑ์เก็บข้อมูลพฤติกรรมไม่ถึง 3 ปี บ้างก็สามารถกู้ได้เลยหลังจากปลดแบล็คลิสสำเร็จ สามารถเข้าไปปรึกษาก่อนและทำตามข้อแนะนำของเจ้าหน้าที่พนักงาน วิธีนี้ก็อาจสร้างความเข้าใจให้ตัวเราได้ชัดเจนขึ้นด้วย
ดังที่ได้ทราบกันมาจนถึงตอนนี้ ส่วนมากจะเป็นการพูดถึงปลายเหตุ แต่อย่างไรก็อย่าลืมให้ความสำคัญกับต้นเหตุ พยายามไม่ให้ ติดเครดิตบูโร ใช้จ่ายอย่างพอดีตัว ซึ่งต้องกล่าวตรงนี้เลยว่า การมีหนี้ไม่ใช่เรื่องแปลก หนี้บางอย่างก็เป็นหนี้จำเป็นที่เราต้องใช้จ่ายเพื่อการดำรงชีวิต แต่หนี้บางประเภทก็ไม่จำเป็นมากนัก อย่างเช่น หนี้บริโภค ถ้าหลีกเลี่ยงหรือยับยั้งชั่งใจได้ก็ควรลดลงอีกสักหน่อย เพื่อจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียดายกับเวลาสามปี ที่อาจจะเป็นโอกาสดีในการสร้างเนื้อสร้างตัว ณ ช่วงชีวิตนั้น ๆ นั่นเอง