เช่าบ้านหรือซื้อบ้านดี เลือกแบบไหนตอบโจทย์มากกว่าปี 2566
ผู้คนมักตั้งคำถามเพื่อหาข้อสรุปว่า เช่าบ้านหรือซื้อบ้าน ดีกว่ากัน และหลายคนก็ให้เหตุผลคล้ายกันว่าการเช่าบ้านอยู่เสียบเปรียบมากกว่า “เงินค่าเช่า เอาไปผ่อนบ้านได้สบาย ๆ” ต้องกล่าวตามตรงว่าขึ้นอยู่กับมุมมอง ไม่มีเหตุผลไหนถูกทั้งหมดเสมอไป การซื้อบ้านจะได้ทรัพย์และกรรมสิทธิ์มาเป็นของตัวเองนั้นเป็นเรื่องที่ดี แต่การซื้อบ้านก็ยังมีค่าใช้จ่ายที่ต้องแบกรับ ทั้งดอกเบี้ย เงินดาวน์ ค่าธรรมเนียมอื่น ๆ รวมถึงค่าดูแลรักษาอีกมากมาย
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยภายนอก ที่แต่ละคนต้องเจอและแบกรับไม่เท่ากัน เช่น ภาระหนี้อื่น ส่งเงินให้ทางบ้านประจำ มีปัญหาด้านสุขภาพจำเป็นต้องใช้เงินทุก ๆ เดือน สาระอสังหา สรุปเหตุและผลเพื่อการตัดสินใจเบื้องต้น 4 : 3 คะแนนเอนเอียงไปทางด้านใด เช่าบ้าน หรือ ซื้อบ้าน อย่าลืมพิจารณาความพร้อมให้ดีก่อนตัดสินใจ ดังนี้
เปรียบเทียบเช่าบ้านหรือซื้อบ้าน แบบไหนดีกว่ากัน?
1. เปอร์เซ็นต์การย้ายงาน
- สำหรับใครที่มีเกณฑ์ย้ายงานหรือเดินทางบ่อย การเช่าบ้านอาจจะตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตได้กีกว่า หมดความกังวลว่าต้องทิ้งบ้านเดินทางไกล เลือกเช่าอยู่บ้านใกล้ที่ทำงาน การเดินทางสะดวกปลอดภัย
- หากเป็นกรณีที่การงานมั่นคง มั่นใจว่าจะทำงานเพียงที่เดียวเป็นเวลานาน เมื่อถึงจุดที่พร้อมทั้งงานและเงิน การกู้ซื้อบ้านก็จะตอบโจทย์มากกว่า นอกจากได้บ้านและกรรมสิทธิ์เป็นของตัวเองแล้ว ยังรู้สึกคุ้มค่ากับเงินค่างวดที่จ่ายไปในแต่ละเดือน
2. ความพร้อมด้านการเงิน
- ข้อสังเกตที่เปรียบเทียบได้ชัด คือ กลุ่มลูกค้าที่ติดต่อขอเช่าบ้าน เช่าคอนโด ส่วนใหญ่จะเป็น Gen Z และ Gen Alpha กลุ่มนักเรียน นักศึกษา First Jobber อาจจะยังไม่มีความพร้อมด้านการเงินมากเท่า Gen Y หรือ Gen X ต้องการเช่าอยู่เพื่อเก็บออมต่อไป แล้วค่อยซื้อบ้านในอนาคต
- แน่นอนว่าการซื้อบ้านเป็นภาระหนี้ก้อนใหญ่ 30 – 40 ปี ต้องมีความรับผิดชอบ มีวินัยและความพร้อมด้านการเงินอย่างมาก เครดิตดีสามารถผ่อนจ่ายค่างวดเป็นประจำทุกเดือนได้แบบไม่เสียสภาพคล่องทางการเงิน หากพร้อมเมื่อไร แนะนำการซื้อบ้านจะคุ้มค่ากว่า แถมยังได้ความอิสระกว่าการเช่าอยู่อีกด้วย
3. ภาระผ่อนระยะยาว
- ถ้าหากยังตัดสินใจไม่ได้ว่า เช่าบ้านหรือซื้อบ้านดีกว่า การเช่าบ้านจะมีเรื่องให้กังวลน้อยกว่า แถมต้องการย้ายออกเมื่อไรก็สามารถทำได้ตามความต้องการ (ไม่ครบสัญญาอาจมีค่าปรับ) ซึ่งภาระผ่อนบ้านเช่าส่วนใหญ่จะมีเพียงค่ามัดจำและค่าเช่าล่วงหน้าเท่านั้น ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขผู้ให้เช่า
- เมื่อไรที่ตัดสินใจซื้อบ้าน ต่อมาภายหลังกลับรู้สึกไม่ถูกใจในสภาพแวดล้อมแล้วต้องการย้ายออก ไม่ว่าจะย้ายไปอยู่ที่ใหม่ ก็ยังต้องรับผิดชอบภาระหนี้เดิมอยู่ ต้องเผชิญกับความหนักใจเพราะกว่าจะซื้อบ้านได้ต้องวางเงินดาวน์ ค่าธรรมเนียม ค่าประกัน ค่างวดรายเดือน ฯลฯ ทำให้คนซื้อบ้านส่วนใหญ่ตัดสินใจย้ายไปไหนได้ยาก
4. เศรษฐกิจ
- ทั่วโลกต้องเผชิญกับปัญหาเงินเฟ้อ 3% ประกอบกับเหตุผลที่มูลค่าที่ดินสูงขึ้นทุกปี อาจเป็นไปได้ว่าค่าเช่าจำนวนที่จ่ายในปัจจุบันกับค่าเช่าบ้านในปีหน้าจะไม่เท่ากัน
- หากซื้อบ้านทำเลเขตการพัฒนาและความเจริญของเมือง ยิ่งนานวันที่ดินยิ่งมีมูลค่าสูง คำนวณเพิ่มกับเปอร์เซ็นต์เงินเฟ้อ หลายปีถัดไปทั้งราคาที่ดินและบ้านรวมกันสร้างมูลค่าได้มากกว่าราคาซื้ออย่างแน่นอน ดังนั้น การมีบ้านเป็นของตัวเอง ผ่านการดูแลรักษาอย่างดี วันข้างหน้าอาจจะขายไปได้กำไร 100%
5. ค่าใช้จ่ายในการดูแลบ้าน
- ส่วนใหญ่ผู้เช่าบ้านจะได้จ่ายเฉพาะค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าขยะ ค่าเช่าบ้านรายเดือน ค่าส่วนกลาง (บางกรณี) หน้าที่ดูแลรักษาและความรับผิดชอบน้อยกว่าการมีบ้านเป็นของตัวเอง ในหลาย ๆ เรื่องสามารถแจ้งเจ้าของบ้านให้มาช่วยแก้ปัญหาได้ แต่อย่าลืมอ่านเงื่อนไขการเช่าและตกลงเรื่องการดูแลรักษาให้ดี เพราะบางทีอาจเจอผู้ให้เช่าหัวหมอ ไม่ยอมคืนมัดจำ อ้างเรื่องสภาพบ้านที่เช่าเป็นเวลานาน
- การซื้อบ้าน ด้วยนิสัยเจ้าของบ้านต้องดูแล บำรุงรักษาบ้านอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายที่นอกเหนือขึ้นมาและต้องชำระด้วยตนเอง เช่น ค่ากำจัดปลวก จ้างทาสีใหม่ ค่าดูแลสวน รวมถึงค่าส่วนกลาง (บางกรณี) ฯลฯ
6. ปัญหาเพื่อนบ้าน
- ในกรณีเช่าบ้านอยู่ จะได้เปรียบที่สุดในเรื่องของการย้ายออก เมื่อไรที่พบว่าสภาพแวดล้อมหรือพฤติกรรมเพื่อนบ้านเริ่มเป็นมลพิษต่อจิตใจ อยู่อาศัยแล้วค่อนข้างลำบากใจ ไม่อยากทักทายหรือเจอหน้าก็สามารถตัดสินใจย้ายออกได้ง่ายกว่ากรณีซื้อบ้าน
- หากเจอปัญหาเพื่อนบ้านกรณีที่ซื้อบ้านไปแล้ว ส่วนนี้ค่อนข้างเป็นเรื่องที่น่าลำบบากใจและความเป็นไปได้ในการย้ายออกน้อยมาก ผู้ที่มีเงินสำรองอาจแก้ปัญหาด้วยการย้ายออกแล้วปล่อยบ้านให้เช่าแทน แต่สำหรับผู้ที่ทุ่มทุน ทุ่มแรง ทุ่มเวลาในการซื้อบ้าน ก็คงทำได้เพียงทำใจแล้วทนอยู่ต่อไป ต้องคอยลุ้นว่าจะเจอเพื่อนบ้านที่เป็นมิตรกับเราหรือไม่
สุดท้ายแล้วคงไม่มีคำตอบที่ยืนยันได้ว่า เช่าบ้านหรือซื้อบ้านดีกว่ากัน แต่ละคนมีหน้าที่รับผิดชอบและเหตุผลในการใช้จ่ายต่างกัน หลาย ๆ อย่างต้องอ้างอิงปัจจัยส่วนบุคคล ไม่มีวิธีไหนที่ถูกไปทั้งหมดหรือผิด 100% ไม่ว่าจะเช่าบ้านหรือซื้อบ้านทุกอย่างล้วนเป็นไปตามความพร้อมในด้านการเงินและความรับผิดชอบทั้งสิ้น ค่อย ๆ ตัดสินใจแล้วทดลองคำนวณภาระหนี้ที่ต้องแบกรับ หากคิดว่าไหววันนี้ก็ลงมือวันนี้ หากยังไม่ไหวก็เก็บออมต่อไปแล้วค่อยซื้อบ้านในวันข้างหน้าได้