รู้จักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ กับ 5 ช่องทางรับ Passive Income ที่ต้องรู้
ในปัจจุบันธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์ ก็ถือเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่หลายคนให้ความสนใจอยู่ไม่น้อย เพราะเมื่อการลงทุนประสบผลสำเร็จขึ้นมา แน่นอนว่าสามารถสร้างกำไรก้อนใหญ่ให้เราได้มากเลยทีเดียว แต่ถ้าพูดให้เข้าใจอย่างง่าย การลงทุนรูปแบบนี้มีความเกี่ยวข้องกับที่ดิน บ้าน สิ่งปลูกสร้าง ซึ่งต่างก็มีมูลค่าสูง สำหรับใครที่มีความสนใจและต้องการลงทุนอสังหาฯ แต่เงินทุนน้อยก็อย่าเพิ่งถอดใจ เพราะยังมีการลงทุนอีกหลากหลายรูปแบบที่เลือกให้เหมาะกับเงินทุนที่มีและทำกำไรได้ดี เพียงเรียนรู้เทคนิคต่าง ๆ พร้อมตั้งเป้าหมายเพื่อรับผลตอบแทนคืน สาระอสังหา นำข้อมูลมาแชร์ให้ ชวนคุณมาทำความรู้จัก ธุรกิจอสังหาฯ ให้มากขึ้น เพื่อเป็นตัวเลือกในการประกอบธุรกิจที่สามารถพัฒนาและต่อยอดต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ คืออะไร ?
การทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ คือ การประกอบธุรกิจที่เกี่ยวกับการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รูปแบบต่าง ๆ โดยมีจุดประสงค์เพื่อสร้างรายได้จากสิ่งนั้น ๆ ตัวอย่างเช่น การจัดสรรที่ดิน สร้างอาคารเพื่อขาย รีโนเวทบ้านมือสองทำกำไร หรือการแบ่งห้องชุดให้เช่า เป็นต้น
อสังหาริมทรัพย์ แบ่งออกเป็น 5 ประเภท ได้แก่
- อสังหาริมทรัพย์เพี่อการเกษตร เช่น ไร่ นา สวนผัก-ผลไม้ การใช้ที่ดินเพื่อทำการเกษตรเป็นหลัก
- อสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัย เช่น โครงการบ้าน บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์โฮม อาคารชุด เป็นต้น
- อสังหาริมทรัพย์เพื่อการพักผ่อน เช่น โรงแรม ห้องพักตากอากาศ หรือรีสอร์ท
- อสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรม เช่น พื้นที่โรงงานอุตสาหกรรมและนิคมอุตสหกรรม
- อสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ เช่น อาคารที่จอดรถ Home Office หรือสำนักงาน
ลักษณะการทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน
เมื่อเทคโนโลยีพัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ ผู้คนก็ต้องพัฒนาให้ก้าวทันมากขึ้น เช่นเดียวกับธุรกิจอสังหาฯ ที่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามีการแข่งขันค่อนข้างสูง เกิดการสร้างสรรค์ทรัพย์ที่มีเพื่อสร้างกำไรกันหลากหลายรูปแบบแตกต่างออกไป สาระอสังหา นำรูปแบบการลงทุนที่ทำกำไรได้จริง 5 ประเภท ลงทุนรูปแบบไหนเหมาะกับเงินทุนและความถนัดของตัวเองมาฝาก
1.การซื้อ-ขาย เพื่อเก็งกำไรลักษณะทั่วไป
การลงทุนรูปแบบนี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นการลงทุนที่ใช้ทุนต่ำ ทำกำไรไว มีให้พบเห็นกันได้ทั่ว ๆ ไปในประเทศไทย เช่น การซื้อ-ขายใบจองคอนโดฯ ด้วยหลักการง่าย ๆ เพียงไม่กี่ขั้นตอน เริ่มจากการซื้อใบจองคอนโดฯจากบริษัทผู้พัฒนาโครงการ (มีราคาแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับโครงการ) หลังจากนั้นตัวผู้ลงทุนเองสามารถนำใบจองเก็งกำไรเพื่อขายต่อในราคาที่สูงขึ้น ซึ่งโดยรวมแล้วการลงทุนลักษณะนี้เป็นการหวังผลกำไรในระยะสั้น แต่อย่างไรก็ตามทุกการลงทุนย่อมต้องสำรองทุน แนะนำสะสมเงินก้อน 5-7 หมื่นบาท เพื่อทำการจอง ทำสัญญาและรองรับยอดผ่อนดาวน์ (6,000-8,000 บาท/เดือน)
การลงทุนลักษณะนี้เหมาะสำหรับใคร ?
- ผู้ที่ต้องการรับผลตอบแทนกลับคืนในระยะเวลาสั้น ๆ หรือไม่เกิน 1 เดือน
- ผู้ที่มีเงินลงทุนสำรองมากกว่า 50,000 บาทขึ้นไป
- ผู้ที่มีความรู้เรื่องการประเมินมูลค่าและช่วงระยะเวลาเพื่อทำการขาย ซึ่งแต่ละช่วงจะสามารถทำกำไรได้ในราคาที่แตกต่างกัน เช่น Pre-Sale ช่วงกำลังก่อสร้าง หรือหลังก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว
2.ปล่อยเช่ารายวัน/รายเดือน
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าก่อนหน้านี้ประเทศไทยได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก เลือกให้เป็นจุดหมายปลายทางสำหรับการพักผ่อน ซึ่งภายหลังที่เศรษฐกิจไทยถดถอยลงเนื่องจากมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาด COVID19 ส่งผลให้ธุรกิจเพื่อการท่องเที่ยวต่าง ๆ ได้รับผลกระทบเป็นจำนวนมาก ซึ่งมีรายงานว่าต้นปี 2565 นี้ มีแนวโน้มว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากผู้คนเริ่มได้รับวัคซีนที่มีประสิทธิภาพกันมากขึ้น เจ้าของธุรกิจเริ่มกลับมาวางแผนพัฒนาที่พัก ปรับแต่งอาคาร รีโนเวทห้องเช่า ให้พร้อมเปิดต้อนรับนักท่องเที่ยว สร้างรายรับจากทรัพย์สินที่มี นอกจากนี้อาจปล่อยเช่ารถจักรยานยนต์ควบคู่ไปด้วย ถือเป็นการเพิ่ม Service สร้างความประทับใจให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติได้ไม่น้อย
การลงทุนลักษณะนี้เหมาะสำหรับใคร ?
- ผู้ที่มีบ้าน ห้องเช่า หรือคอนโดฯบริเวณเมืองท่องเที่ยว ทำเลเศรษฐกิจ
- ผู้ที่มีทุนสำหรับการตกแต่ง-ต่อเติม ปรับปรุงห้องพักในช่วงเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว
- ผู้ที่มีทุนสำรองพร้อมรับมือกับค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา หรือความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในอาคาร
3.นายหน้าที่ดิน
นายหน้าขายที่ดิน คือ ตัวแทนอสังหาริมทรัพย์ทำหน้าที่เป็นคนกลางเจรจาระหว่างผู้ซื้อกับเจ้าของที่ดิน มีขอบเขตงานตามระบุในสัญญานายหน้าที่ทำขึ้นร่วมกับเจ้าของทรัพย์ ทำหน้าที่หาลูกค้า แนะนำ-จัดหาที่ดินของผู้ว่าจ้าง (เจ้าทรัพย์) ให้กับลูกค้า พร้อมทำการตลาดหลากหลายรูปแบบเพื่อเป็นการโฆษณาให้ผู้อื่นรู้จักสินค้า ซึ่งการเป็นนายหน้าไม่เพียงแค่ใช้ต้นทุนน้อยเท่านั้น แต่ยังได้รับผลตอบแทนสูงถึง 3% ของราคาสินทรัพย์ตามกำหนดราคาสากล
การลงทุนลักษณะนี้เหมาะสำหรับใคร ?
- ผู้ที่มีความรู้หรือพร้อมประสานงานอย่างเป็นขั้นตอน
- ผู้ที่พร้อมสละเวลาพาลูกค้าเข้ามาเยี่ยมชมทรัพย์
- ผู้ที่มีความรู้หรือความพร้อมที่จะศึกษาเรื่องเกี่ยวกับกฎหายเพื่อให้ข้อมูลและช่วยเหลือลูกค้า
4.ซื้อหุ้นบริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์
เมื่อได้กล่าวถึงการลงทุนทางตรงแบบ 3 ประเภทแรกไปแล้วนั้น ก็ต้องทราบถึงการลงทุนทางอ้อมผ่านการซื้อหุ้นของบริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ด้วย ซึ่งในปัจจุบันมีบริษัทใหญ่ที่มีความมั่นคงและเชื่อถือได้ จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยอยู่มากกว่า 52 บริษัท เช่น LH, AP, SPALI, SC, QH เป็นต้น ที่สำคัญเป็นอย่างมาก คือ การที่ผู้ลงทุนต้องทำการศึกษารูปแบบ สินค้า การซื้อ-ขายของบริษัท ตลอดจนการค้นหาปัจจัยหลักที่ส่งผลถึงสถิติความผันผวนในตลาดหุ้น
การลงทุนลักษณะนี้เหมาะสำหรับใคร ?
- ผู้ที่มีเงินลงทุนไม่มาก (เริ่มต้นที่หลักร้อยก็สามารถลงทุนได้)
- ผู้ที่มีความรู้พื้นฐานในเรื่องของหุ้นหรือนักลงทุนมือใหม่ที่พร้อมจะเรียนรู้เรื่องใหม่ ๆ
- ผู้ที่มีเวลาติดตามข่าวสาร สถานการณ์ต่าง ๆ ที่ส่งผลต่อความผันผวน
5.ลงทุนอสังหาริมทรัพย์ผ่าน กอง REIT (Real Estate Investment Trust)
REIT (Real Estate Investment Trust) เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ทำหน้าที่บริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างรายได้ได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อนำผลกำไรที่ได้กลับมาจ่ายเป็นเงินปันผลให้กับนักลงทุน อธิบายง่าย ๆ ว่ารายได้หลักที่รับจากกองทุนมาจากการ “เก็บค่าเช่า” ในอสังหาริมทรัพย์นั้น ๆ ที่ลงทุนไป เช่น สถานที่จัดแสดงสินค้า อาคารสำนักงาน ห้างสรรพสินค้า หรือนิคมอุตสาหกรรม เป็นต้น โดยหลักการปันผลของ REIT จะจ่ายสูงถึง 5 – 7% ต่อปี ซึ่งก็เป็นวิธีที่สร้างรายได้ระยะยาวให้กับนักลงทุนสม่ำเสมอ ภายใต้ความเสี่ยงน้อยและความผันผวนต่ำกว่าการลงทุนในรูปแบบหุ้น
การลงทุนลักษณะนี้เหมาะสำหรับใคร ?
- ผู้ที่มีเงินลงทุนไม่มาก (เริ่มต้น 4 หลัก 5,000 บาทขึ้นไป)
- อยากลงทุนทางอ้อม ให้ผลตอบแทนระยะยาวแต่ไม่พร้อมรับมือกับความผันผวนเช่นตลาดหุ้น
พอได้ทำความรู้จักอสังหาริมทรัพย์ และทราบแนวทางการลงทุนเพื่อสร้าง Passive Income ให้กับตัวเองกันไปบ้างแล้ว อาจทำให้หลายคนเกิดไอเดียการลงทุนที่สอดคล้องกับจำนวนทุนของตนเองได้มากขึ้น บ้างมีความสามารถด้านกฎหมายก็อาจทำอาชีพนายหน้าเป็นช่องทางหารายได้เสริม ซึ่งก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ใช้ทุนน้อยและค่าตอบแทนสูง หรือถ้าหากสะดวกลงทุนทางอ้อม รอรับผลตอบแทนในระยะยาวก็สามารถลงทุนในรูปแบบกองทุนได้ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความถนัดของตนเอง แต่ก็อย่าลืมที่จะศึกษาดูทิศทางและความต้องการของตลาดให้ดีก่อน อย่างน้อยก็มีเปร์เซ็นต์ประสบผลสำเร็จที่เพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย